สำหรับความร้ายแรงของ ไขมันพอกตับ นั้นหลายคนอาจจะมองข้ามกันไปซึ่งอาจมองว่าไม่ร้ายแรงเลย แต่ขอบอกได้เลยว่าอย่ามองข้ามเป็นอันขาด เพราะตับสำคัญมากมีอีกหลายอย่างที่ทำร้ายตับของเรา อาทิเช่น
พาราเซตามอล หากกินมากไปอาจทำลายตับ
“พาราเซตามอล” หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า ยาพารา อีก 1 ยาสามัญประจำบ้านที่หลายๆบ้านจะมีติดไว้ใช้สำหรับลดไข้และช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆในชีวิตประจำวัน ถือเป็นยาสามัญที่รับประทานง่าย ให้ผลรักษาเบื้องต้น จัดเป็นยาที่ไม่อันตราย แต่ในขณะเดียวกันหากใช้ยาไม่ถูกคุณลักษณะ ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้ จึงมีการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาพาราเซตามอลให้เหมาะสม
ยาพาราเซตามอล เป็นยาบรรเทาอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลางมักนิยมใช้ลดไข่ในเด็กและผู้ใหญ่ จัดเป็นยาสามัญประจำบ้าน และเป็นยาที่ไม่อันตราย ออกฤทธิ์โดยการยับยังสารเคมีบางชนิดในสมองของมนุษย์ ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดเช่น สารโพรสตาแกลนดิน ช่วยให้ร่างกายกลับมาในอุณหภูมิปกติ ลดไข้ของร่างกายให้ลดลง
การใช้ยาราเซตามอล
ในการกินยา 1 ครั้งใช้ยาขนาด 10-15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว
กินครั้งละ 1-2 เม็ดทุกๆ 6 ชั่วโม
ไม่ควรกินเกิน 8 เม็ดต่อวัน
สามารถกินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
ระวังผู้ป่วยที่มีอาการตับ หรือน้ำหนักตัวน้อย
เป็นยารักษาตามอาการ หากไม่มีอาการปวดหรือเป็นไข้ ไม่ควรกินยา
กรณีลืมกินยา สามารถกินได้ทันที ไม่ต้องเพิ่มปริมาณยา
อาการของการใช้พาราเซตามอลเกินขนาด หากกินพาราเซตามอลติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้ตับบกพร่อง โดยเฉพาะกินยาร่วมกับแอลกอฮอล์ จะทำให้มีความเสี่ยงถึงตับอักเสบมากยิ่งขึ้น โดยหากรับประทานเกินขนาดจะแสดงอาการภายใน 1-3 วัน โดยมี 3 ระยะได้แก่
- คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และเหงื่อออกเป็น ระยะๆ โดยเกิดภายใน 24 ชั่วโมง
- หลังกินยาระหว่าง 24-48 ชั่วโมง ไม่มีอาการแสดง แต่เมื่อเจาะเลือดจะพบอาการว่าเอนไซม์ทรานซามิเนสเริ่มสูงขึ้น นั่นแสดงให้เห็นถึงความบาดเจ็บของตับ
- หลังกินยาวแล้ว 48 ชั่วโมง มีอาการตับอักเสบ คลื่นไส้ อ้วก อาเจียน เบื่ออาหาร มีภาวะแทรกซ้อนเหมือนตับอักเสบทั่วไป หากรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้