บรรเทาอาการปวดหลังฉบับเฉพาะกิจ

ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร คุณก็อาจประสบกับปัญหาอาการ “ปวดหลัง” ได้ จะปวดมาก ปวดน้อย ปวดหลังด้านบน ปวดหลังด้านล่าง หรือปวดหลังด้านข้าง ก็ให้ความทรมานกับเราได้เหมือนกัน บางคนปวดหลังจนทำงานไม่ได้ หรืออาจจะนอนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

 

แต่ไม่ว่าจะปวดหลังเพราะสาเหตุใด เรามีวิธีลดอาการปวดหลังอย่างเร่งด่วนมาฝากค่ะ

1. ประคบน้ำแข็ง

ค่อยๆ เลื่อนถุงน้ำแข็ง หรือ ice pack ที่เป็นเจลเย็นๆ ไปตามแนวหลังคล้ายการนวดราว 5-10 นาที อาจจะให้คนใกล้ชิดช่วยทำให้เพราะเราอาจทำเองไม่สะดวก ความเย็นจากน้ำแข็งจะช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อได้

2. นอนราบแผ่นหลังติดพื้น

หาที่นอนที่ไม่นุ่มและไม่แข็งจนเกินไป แต่มีพื้นแบนราบพอที่จะนอนลงไปได้สบายๆ ดันแผ่นหลังให้ติดพื้น เกร็งหน้าท้อง ค้างไว้ 10 วินาที แล้วพัก จากนั้นทำซ้ำราว 2-3 ครั้ง ช่วยให้แผ่นหลังที่อ่อนล้า กลับเข้ามาอยู่ในสภาพปกติ จัดเรียงกระดูกและกล้ามเนื้อให้กลับมาเข้าที่เหมือนเดิม เห็นทำง่ายๆ แค่นี้ แต่ได้ผลดีเชียวล่ะ

3. นั่งไขว้ขา บิดเอว

ท่านี้จะยิ่งได้ผลดีหากปวดหลังส่วนล่าง หรือส่วนใกล้ๆ เอว แต่ปวดหลังปกติก็สามารถทำได้ เริ่มจากนั่งขัดสมาธิบนพื้น ยกขาข้างขวาวางพาดทับขาซ้าย ให้ขาซ้ายยังงอเข่านอนลงชิดพื้นอยู่ ขาขวาตั้งเข่าขึ้น เอามือขวาแตะพื้นขวา มือซ้ายแตะท้ายทอย แล้วเอียวตัวไปทางขวาให้สุด ค้างไว้ 3-5 วินาที จากนั้นกลับมาหน้าตรง วางมือซ้ายบนพื้นข้างลำตัวด้านซ้าย มือขวาแตะท้ายทอย บิดเอวไปทางขวา ค้างไว้ 3-5 วินาที จากนั้นจึงสลับขา และสลับมือ บิดเอวทั้ง 2 ข้างเหมือนเดิม เป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อส่วนหลัง โลหิตไหวเวียนในบริเวณหลัง เอว ได้ดียิ่งขึ้น

4. นอนงอเข่า

นอนราบ ยกเข่าขึ้นมาทีละข้าง ไช้แขนดึงรั้งเอาไว้ ค้างไว้ 10 วินาที สลับขายกค้างไว้ 10 นาทีเท่ากัน วิธีนี้ช่วยลดอาการปวดหลังบริเวณหลังส่วนล่าง ส่วนใกล้สะโพก หรือบางคนปวดหลังแล้วร้าวลงสะโพก และขา

5. ดึงแขนข้ามไหล่

ใครที่ปวดเมื่อยหลังบริเวณหลังส่วนบนใกล้กับต้นแขน หรือไหล่ ลองยกแขนข้างขวาขึ้นตรงๆ บิดแขนซ้ายไปด้านหลัง ปลายนิ้ววางไว้กลางหลัง งอเฉพาะศอกขวาลงมา พยายามเอานิ้วมือขวาแตะนิ้วมือซ้ายที่กลางหลังให้ได้มากที่สุด (จับนิ้วกับได้ยิ่งดี) ค้างไว้ท่านั้น 10 วินาที แล้วเปลี่ยนแขนอีกข้าง ค้างไว้ 10 วินาทีเท่ากัน สามารถทำได้เรื่อยๆ จนกว่าอาการปวดจะดีขึ้น

เพียงเท่านี้อาการปวดหลังก็จะดีขึ้นในเวลาไม่กี่นาทีแล้วล่ะค่ะ แต่อันที่จริงแล้วอาการปวดหลังควรเริ่มป้องกันตั้งแต่สาเหตุมากกว่า จะได้ไม่ต้องทรมานกับอาการปวดหลังอยู่บ่อยๆ นะคะ

ความร้ายแรงของไขมันพอกตับ

สำหรับความร้ายแรงของ ไขมันพอกตับ นั้นหลายคนอาจจะมองข้ามกันไปซึ่งอาจมองว่าไม่ร้ายแรงเลย แต่ขอบอกได้เลยว่าอย่ามองข้ามเป็นอันขาด เพราะตับสำคัญมากมีอีกหลายอย่างที่ทำร้ายตับของเรา อาทิเช่น

พาราเซตามอล หากกินมากไปอาจทำลายตับ

“พาราเซตามอล” หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า ยาพารา อีก 1 ยาสามัญประจำบ้านที่หลายๆบ้านจะมีติดไว้ใช้สำหรับลดไข้และช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆในชีวิตประจำวัน ถือเป็นยาสามัญที่รับประทานง่าย ให้ผลรักษาเบื้องต้น จัดเป็นยาที่ไม่อันตราย แต่ในขณะเดียวกันหากใช้ยาไม่ถูกคุณลักษณะ ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้ จึงมีการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาพาราเซตามอลให้เหมาะสม

ยาพาราเซตามอล เป็นยาบรรเทาอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลางมักนิยมใช้ลดไข่ในเด็กและผู้ใหญ่ จัดเป็นยาสามัญประจำบ้าน และเป็นยาที่ไม่อันตราย ออกฤทธิ์โดยการยับยังสารเคมีบางชนิดในสมองของมนุษย์ ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดเช่น สารโพรสตาแกลนดิน ช่วยให้ร่างกายกลับมาในอุณหภูมิปกติ ลดไข้ของร่างกายให้ลดลง

การใช้ยาราเซตามอล

ในการกินยา 1 ครั้งใช้ยาขนาด 10-15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว

กินครั้งละ 1-2 เม็ดทุกๆ 6 ชั่วโม

ไม่ควรกินเกิน 8 เม็ดต่อวัน

สามารถกินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้

ระวังผู้ป่วยที่มีอาการตับ หรือน้ำหนักตัวน้อย

เป็นยารักษาตามอาการ หากไม่มีอาการปวดหรือเป็นไข้ ไม่ควรกินยา

กรณีลืมกินยา สามารถกินได้ทันที ไม่ต้องเพิ่มปริมาณยา

อาการของการใช้พาราเซตามอลเกินขนาด หากกินพาราเซตามอลติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้ตับบกพร่อง โดยเฉพาะกินยาร่วมกับแอลกอฮอล์ จะทำให้มีความเสี่ยงถึงตับอักเสบมากยิ่งขึ้น โดยหากรับประทานเกินขนาดจะแสดงอาการภายใน 1-3 วัน โดยมี 3 ระยะได้แก่

  1. คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และเหงื่อออกเป็น ระยะๆ โดยเกิดภายใน 24 ชั่วโมง
  2. หลังกินยาระหว่าง 24-48 ชั่วโมง ไม่มีอาการแสดง แต่เมื่อเจาะเลือดจะพบอาการว่าเอนไซม์ทรานซามิเนสเริ่มสูงขึ้น นั่นแสดงให้เห็นถึงความบาดเจ็บของตับ
  3. หลังกินยาวแล้ว 48 ชั่วโมง มีอาการตับอักเสบ คลื่นไส้ อ้วก อาเจียน เบื่ออาหาร มีภาวะแทรกซ้อนเหมือนตับอักเสบทั่วไป หากรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้