เหตุผลว่าทำไม คนเราถึงรู้สึกดีเมื่อเราได้ Shopping 

สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเหตุผลที่ว่าทำไมคนเราถึงรู้สึกมีความสุขและรู้สึกดีเป็นอย่างมากเมื่อเราได้มีการ Shopping ซึ่งการช้อปปิ้งนั้นก็คือการที่เรานำเงินในกระเป๋าของเราออกไปแลกสินค้ากลับมาแต่ทำไมในเมื่อเราเสียเงินออกไปแล้วเราถึงยังคงมีความสุขกับการเสียเงินในครั้งนี้

สาเหตุที่คนมีความสุขหลังจากที่มีการช้อปปิ้งนั่นก็เพราะว่าบางคนนั้นอาจจะมีเรื่องราวเคร่งเครียดมากมายมีเรื่องที่จะต้องตัดสินใจและมีเรื่องที่รู้สึกอึดอัดใจไม่สบายใจ 

 แต่เมื่อใดก็ตามที่เราได้ออกไปนอกบ้านเพื่อไปช้อปปิ้งเราจะสามารถปลดปล่อยความเคร่งเครียดนั้นออกจากจิตใจได้เพราะเราสามารถเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่เราต้องการโดยที่เราไม่ต้องมานั่งรู้สึกถึงความเครียดถึงเรื่องที่ต้องตัดสินใจก่อนหน้านี้ซึ่งมันทำให้เรานั้นสามารถลืมเรื่องราวเครียดๆได้ในชั่วคราวในตอนที่เรากำลังช็อปปิ้ง

ดังนั้นการช้อปปิ้งจึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรามีความสุขอย่างหนึ่งเพราะช่วงที่เราช้อปปิ้งนั้นเราตอบสนองแต่ความต้องการของตัวเราเองและเราไม่ต้องไปตอบสนองความต้องการของคนอื่นเราจะมีสมาธิและจดจ่อกับสิ่งของที่เราจะเลือกซื้อทำให้เราลืมความเครียดไปได้ชั่วขณะนั่นเอง 

นอกจากนี้สังเกตดูได้ว่าเวลาที่มีการออกไปช้อปปิ้งนั้นคนเรามักจะไม่ไป shopping เพียงแค่คนเดียวเท่านั้นซึ่งมีน้อยคนมากที่จะออกไปช้อปปิ้งสินค้าเพียงแค่คนเดียวเพราะโดยปกติแล้วการออกไปช้อปปิ้งในแต่ละครั้งผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีการชวนเพื่อนฝูงหรือชนคนในครอบครัวไปทำการช้อปปิ้งด้วยดังนั้นการช้อปปิ้งก็คือการใช้เวลาช่วงที่พิเศษกับคนที่พิเศษเช่นกัน  และเมื่อเรามีการใช้เวลากับคนพิเศษในช่วงเวลาช้อปปิ้งนั้นก็จะทำให้เรามีความสุขและรู้สึกผ่อนคลายรู้สึกถึงการทำกิจกรรมกับคนในครอบครัวและเพื่อนๆ

อย่างไรก็ตามการที่เราออกมาช้อปปิ้งนั้นก็เพื่อตอบสนองความต้องการของเราเองและยังเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองอีกด้วยเพราะส่วนใหญ่สินค้าที่เราช้อปปิ้งนอกจากสินค้าที่เราใช้ในชีวิตประจำวันเช่นสินค้าที่ใช้ในครัวเรือนหรือแม้แต่ใช้ในห้องน้ำแล้วยังมีสินค้าที่เราต้องช้อปปิ้งเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับตัวเองไม่ว่าจะเป็นการซื้อเสื้อผ้าหรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือเครื่องสำอางเป็นต้น

สำหรับการช้อปปิ้งนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนนั้นรู้สึกดีถึงแม้ว่าหลังจากช้อปปิ้งไปแล้วอาจจะรู้สึกเสียใจนิดๆที่เงินในกระเป๋าลดลงแต่ในช่วงเวลาที่ได้มีการช้อปปิ้งสารเคมีในสมองจะมีการหลั่งสารแห่งความสุขออกมาซึ่งก็คือสารเซโรโทนินซึ่งสารชนิดนี้จะทำให้เรานั้นรู้สึกสดชื่นและมีความสุข ถึงแม้ว่าการช้อปปิ้งจะกระทบเงินในกระเป๋าของเราก็ตาม 

 

สนับสนุนโดย    ผู้สูงอายุควรใช้เครื่องช่วยฟังแบบไหน

โรคพิษสุนัขบ้า

โรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากไวรัสพิษสุนัขบ้า (Rabies virus) ซึ่งเป็นไวรัสที่สามารถติดต่อผ่านการกัดของสัตว์ที่ติดเชื้อมายิ่งกว่า 99% ของกรณีโรคพิษสุนัขบ้าที่เกิดขึ้นเป็นเหตุจากการถูกกัดโดยสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อไวรัสนี้ ไวรัสพิษสุนัขบ้าเข้าทำลายระบบประสาทของมนุษย์และสัตว์อื่นๆ ทำให้เกิดอาการที่รุนแรงจนสามารถทำให้เสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาทันทีหลังจากถูกกัด.

โรคพิษสุนัขบ้าสามารถติดต่อจากสัตว์ที่ติดเชื้อไปยังมนุษย์ผ่านการกัดหรือการสัมผัสของน้ำลายหรือน้ำมูกของสัตว์ที่ติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่ร้ายแรงและมีอาการที่รุนแรงเมื่อเข้าสู่ระยะที่ไม่สามารถรักษาหายได้ อาการของโรคพิษสุนัขบ้าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะหลัก คือ

 

  1. ระยะอาการเริ่มแรก (Prodromal phase): มีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ปวดศีรษะ ไข้ ไม่สบาย และความผิดปกติของระบบประสาท เช่น รู้สึกเครียด หรือเบื่อหน่าย สัตว์ที่ติดเชื้อมักจะหลบหนีการติดต่อกับคนและอาจมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น สุนัขที่เป็นพิษสุนัขบ้าอาจจะกัดคนหรือสัตว์อื่นๆ โดยที่ไม่มีเหตุผล

 

  1. ระยะอาการรุนแรง (Furious phase): อาจเกิดขึ้นหลังจากน้อยกว่า 1 สัปดาห์หลังจากอาการเริ่มแรก สัตว์ที่ติดเชื้อมักจะแสดงอาการที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น กรีดร้องเสียงดัง อาการสับสน หรือทำท่าทางที่ผิดปกติ การเดินที่ไม่สมบูรณ์ และการติดต่อกับสิ่งของที่เข้าสิ่งอื่นๆ ได้เป็นประจำ

ความรู้เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าได้เริ่มเผยแพร่มาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะในทวีปยุโรป เมื่อแพทย์ชาวอังกฤษชื่อดังอย่างลูอีส พาสเทอร์ (Louis Pasteur) ได้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในปี ค.ศ. 1885 ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้มีการเผยแพร่ไปยังทั่วโลกได้มากขึ้นตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา

 

โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคไข้กลัวนั้นมีการรายงานครั้งแรกในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) โดยมีเคสของสุนัขที่เป็นโรคนี้ถูกพบเห็นเป็นครั้งแรกในชายแดนภาคตะวันออกของประเทศ

การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสามารถทำได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้แก่สุนัขของคุณอย่างสม่ำเสมอ วัคซีนนี้ช่วยให้ร่างกายสุนัขผลิตภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า (โรคพาราไซต์) ได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้สุนัขติดเชื้อจากการกัดของสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้บ้าง

 

นอกจากนี้    hoiana เวียดนาม      การควบคุมสุนัขให้อยู่ในบริเวณที่ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการติดต่อกับสัตว์ป่าหรือสุนัขที่ไม่รู้จักก็เป็นวิธีการป้องกันเพิ่มเติมที่สำคัญ เพราะโรคพิษสุนัขบ้ามักจะติดต่อผ่านน้ำลายหรือน้ำมูกของสัตว์ที่ติดเชื้อมาก่อน

อาการง่วงนอนตลอดเวลา บ่งบอกว่าเราเป็นอะไร

ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเจอกับปัญหาเรืองของการนอนไม่ค่อยหลับ ซึ่งมักจะพบกันมากในคนที่มีอาการป่วยทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ รวมถึงคนที่มีอายุมากยิ่ง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า คนเราไม่เพียงแค่มีปัญหานอนไม่หลับอย่างเดียวเท่านั้น แต่บางคนก็มีปัญหาว่านอนหลับมากเกินไปก็มี เช่น มีอาการง่วงนอนอยู่ตลอดเวลานั่นเอง 

การรู้สึกง่วงนอนตลอดเวลาอาจเป็นเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบาย อาการนี้สามารถเกิดขึ้นจากสาเหตุหลายอย่าง ตั้งแต่ปัญหาสุขภาพจิต จนถึงสภาวะที่เกี่ยวข้องกับร่างกายได้ เช่น การนอนไม่พอ ภาวะเครียด ภาวะซึมเศร้า หรือโรคร้ายแรงที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ

การรู้สึกง่วงนอนตลอดเวลาอาจเป็นได้จากสาเหตุต่อไปนี้

  1. นอนไม่พอ: การนอนไม่เพียงพอหรือการนอนอย่างไม่เหมาะสมสามารถทำให้คุณรู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา
  2. ภาวะเครียดและวิตกกังวล: ความเครียดและวิตกกังวลสามารถทำให้มีปัญหาในการหลับหรือมีความต้องการในการหลับมากขึ้น
  3. ภาวะซึมเศร้า: ภาวะซึมเศร้าสามารถทำให้คุณรู้สึกง่วงนอนตลอดเวลาหรือมีปัญหาในการนอน
  4. โรคร่างกาย: บางครั้งอาการนอนมากจนเกินไปอาจเป็นเครื่องชี้ให้รู้ว่ามีโรคร้ายแรงที่ทำให้เกิดภาวะง่วงนอนได้ เช่น โรคที่ทำให้เกิดการตื่นตัวบ่อย เช่น โรคที่เกี่ยวกับระบบหายใจ

 

ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณมีอาการนอนตลอดเวลาหรือมีปัญหาในการนอน ควรพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อให้ได้การรักษาหรือการดูแลที่เหมาะสม

อาการง่วงตลอดเวลาอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพจากหลายปัจจัยได้แก่

  1. การขับขี่หรือใช้งานเครื่องจักร: การรู้สึกง่วงตลอดเวลาอาจทำให้คุณไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ในบางสถานการณ์ เช่น การขับรถหรือการทำงานที่ต้องใช้ความจำเป็นในการตรวจสอบความระมัดระวัง
  2. การทำงานและประสิทธิภาพในการทำงาน: ความง่วงตลอดเวลาอาจทำให้คุณทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพหรือมีความผิดพลาดมากขึ้น
  3. สุขภาพกายและจิต: การนอนไม่เพียงพอหรือคุณภาพของการนอนที่ไม่ดีอาจเป็นสาเหตุหลักของอาการง่วงตลอดเวลา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตในระยะยาว
  4. ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ: การรู้สึกง่วงตลอดเวลาอาจเสี่ยงต่อการหลงลืมหรือการพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ
  5. ปัญหาสุขภาพเชิงรุก: อาการง่วงตลอดเวลาอาจเป็นเครื่องหมายของปัญหาสุขภาพเชิงรุก เช่น ภาวะซึมเศร้า โรคเบาหวาน หรือโรคต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและการรักษาจากแพทย์

การรับรู้และรักษาสาเหตุของอาการง่วงตลอดเวลามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคุณในระยะยาว

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

ไอเดีย ห้องน้ำแคบ รีโนเวทห้องน้ำยังไงให้ประหยัด บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

การรีโนเวทห้องน้ำขนาดเล็กให้ประหยัดและทำให้บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้นนั้นสามารถทำได้หลายวิธี โดยการเน้นการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ และเลือกใช้วัสดุที่คุ้มค่าและทนทาน ทั้งนี้สามารถทำตามขั้นตอนและแนวทางดังนี้:

  1. การวางแผนพื้นที่: การวางแผนพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการรีโนเวทห้องน้ำขนาดเล็ก การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และสุขภัณฑ์ที่มีขนาดเหมาะสมจะช่วยประหยัดพื้นที่ เช่น อ่างล้างหน้าที่ติดผนังหรืออ่างล้างหน้าที่มาพร้อมกับตู้เก็บของด้านล่าง เพื่อใช้พื้นที่อย่างเต็มที่ ไม่ควรมีสิ่งของที่ไม่จำเป็นในห้องน้ำเพื่อลดความแออัด

 

  1. การเลือกใช้วัสดุ: การเลือกวัสดุที่มีคุณภาพแต่ราคาประหยัดจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรีโนเวทได้ เช่น การใช้กระเบื้องเซรามิกที่มีลวดลายธรรมดาแต่สวยงามแทนการใช้กระเบื้องหินอ่อนที่มีราคาสูง นอกจากนี้ควรเลือกวัสดุที่ทำความสะอาดง่ายและทนทานต่อความชื้น เช่น วัสดุปูพื้นไวนิลหรือกระเบื้องชนิดกันลื่นซึ่งเหมาะสำหรับพื้นที่ห้องน้ำ

 

  1. การใช้สีและแสง: การเลือกใช้สีที่เหมาะสมสามารถทำให้ห้องน้ำดูกว้างขวางและสดใสมากขึ้น ควรใช้สีโทนสว่าง เช่น สีขาว ครีม หรือเทาอ่อน เพราะสีเหล่านี้จะช่วยสะท้อนแสงและทำให้ห้องน้ำดูโปร่งโล่ง นอกจากนี้การติดตั้งไฟส่องสว่างที่เพียงพอและถูกตำแหน่งจะช่วยเสริมบรรยากาศให้ห้องน้ำดูกว้างและน่าใช้มากขึ้น การติดตั้งไฟ LED แบบฝังเพดานหรือไฟส่องกระจกก็เป็นทางเลือกที่ดี

 

  1. การจัดการน้ำและประปา: การเปลี่ยนหรือปรับปรุงระบบประปาในห้องน้ำขนาดเล็กควรคำนึงถึงความประหยัดน้ำและความสะดวกในการใช้งาน เช่น การเลือกใช้อุปกรณ์สุขภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันประหยัดน้ำหรือหัวฝักบัวที่สามารถปรับระดับน้ำได้ การติดตั้งถังน้ำใต้พื้นหรือบริเวณที่ซ่อนอยู่ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำ

 

  1. การตกแต่งและของประดับ: แม้ว่าห้องน้ำจะมีขนาดเล็ก แต่การตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยเสริมบรรยากาศให้ห้องน้ำดูน่าใช้มากขึ้น เช่น การใช้กระจกเงาขนาดใหญ่ที่สะท้อนแสงและทำให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้น การติดตั้งชั้นวางของที่สูงเหนือประตูหรือใช้ชั้นวางติดผนังเพื่อเก็บอุปกรณ์ต่างๆ จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ นอกจากนี้การเลือกใช้ผ้าม่านหรือผ้าคลุมอาบน้ำที่มีลวดลายหรือสีที่เข้ากับห้องน้ำก็สามารถเพิ่มเสน่ห์ให้ห้องน้ำได้

 

  1. การเลือกใช้อุปกรณ์ที่พับเก็บได้: การใช้อุปกรณ์ที่สามารถพับเก็บได้ เช่น ชั้นวางของหรือที่แขวนผ้า จะช่วยให้ห้องน้ำดูไม่แออัด และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการในการใช้งาน

 

การรีโนเวทห้องน้ำขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่การวางแผนอย่างดี การเลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่เหมาะสม และการจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณได้ห้องน้ำที่สะดวกสบายและทำให้บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus)

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ หรือการที่เซลล์ในร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลินอย่างเหมาะสม โรคเบาหวานแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ เบาหวานชนิดที่ 1 เบาหวานชนิดที่ 2 และเบาหวานขณะตั้งครรภ์

สัญญาณเตือนของโรคเบาหวานอาจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล แต่สัญญาณที่พบได้บ่อย ได้แก่:

  1. ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน
  2. กระหายน้ำมาก แม้จะดื่มน้ำมากแล้ว
  3. หิวบ่อยและน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  4. รู้สึกเหนื่อยง่าย โดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
  5. มองเห็นไม่ชัดหรือมีปัญหาทางสายตา
  6. แผลหายช้า หรือมีการติดเชื้อที่ผิวหนังบ่อย
  7. มีอาการชาตามมือและเท้า เนื่องจากเส้นประสาทถูกทำลายจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง

อันตรายจากโรคเบาหวาน   หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โรคเบาหวานอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ ซึ่งรวมถึง:

  1. โรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายหรือหลอดเลือดสมองตีบ
  2. ความเสียหายต่อเส้นประสาท (Neuropathy) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชาและการทำงานของอวัยวะต่างๆ ผิดปกติ
  3. โรคไต (Nephropathy) ที่อาจนำไปสู่ภาวะไตวาย
  4. ความเสียหายต่อดวงตา (Retinopathy) ที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็น
  5. แผลเรื้อรัง ที่อาจทำให้ต้องตัดอวัยวะออก

วิธีการรักษาทางธรรมชาติการรักษาโรคเบาหวานไม่เพียงแต่พึ่งการใช้ยา แต่ยังสามารถใช้วิธีธรรมชาติเพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ดังนี้:

  1. การควบคุมอาหาร: เลือกรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ที่ไม่หวานจัด ธัญพืชที่ไม่ขัดสี และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันอิ่มตัว และคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี
  2. การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือโยคะ ช่วยให้ร่างกายใช้กลูโคสได้ดีขึ้น และช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมโรคเบาหวาน
  3. การจัดการความเครียด: การฝึกสมาธิ โยคะ หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
  4. การนอนหลับที่เพียงพอ: การพักผ่อนที่เพียงพอช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีและมีความสมดุล
  5. สมุนไพรและอาหารเสริม: สมุนไพรบางชนิด เช่น ขิง อบเชย กระเทียม หรือเมล็ดฟักทอง อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริมใดๆ

เครื่องช่วยฟัง มีไว้ทำอะไร      สรุป    โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่สามารถจัดการได้หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการจัดการความเครียด สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

มาดูกันดีกว่าถ้วยจานสไตล์ประเทศญี่ปุ่นทำไมถึงเป็นที่ชื่นชอบ

มาดูกันดีกว่าถ้วยจานสไตล์ประเทศญี่ปุ่นทำไมถึงเป็นที่ชื่นชอบ ถ้วยชามสไตล์ประเทศญี่ปุ่น ล้วนแต่มีลวดลาย สีสันที่เป็นเอกลักษณ์ สะท้อนให้มองเห็นถึงความเป็นประเทศญี่ปุ่น และก็ด้วยวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนญี่ปุ่น ออกจะมีความมากมายหลากหลาย เนื่องจากในของกิน 1 มื้อ

ชอบประกอบไปด้วยข้าว ซุป อาหาร รวมทั้งเครื่องแนมต่าง ๆ ทำให้มีถ้วย จาน จานชาม จานต่าง ๆ หลายหมวดหมู่ แล้วก็หลายขนาดนานับประการตามการใช้แรงงาน เอกลักษณ์รวมทั้งความพิเศษที่หลบซ่อนอยู่ใน ถ้วยจานสไตล์ประเทศญี่ปุ่นนั้น มีอะไรกันบ้าง แล้วก็ต่างจากชาติอื่น ๆ เช่นไร 

 

– คุณลักษณะของอุปกรณ์ ปกติแล้วทำมาจากดินเหนียว เหตุผลที่คนญี่ปุ่นมักใช้ถ้วยจานที่เป็นเครื่องเคลือบเนื่องจากว่าวัฒนธรรมการถือถ้วยข้าวขณะทาน เพราะเหตุว่าเครื่องถ้วยชามมีคุณลักษณะที่ทำให้ไม่รู้เรื่องสึกร้อนช่วงเวลาที่ถือถ้วยข้าวนั่นเอง ส่วนถ้วยจานของทางฝั่งยุโรป ชอบทำจากกระเบื้องเป็นส่วนมาก เพราะว่าคุ้มครองการครูดขีดจากการใช้มีดรวมทั้งส้อมได้ดีมากยิ่งกว่า

– น้ำหนักที่เหมาะสม เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านน่าจะเคยเห็นและเคยได้ใช้ได้สัมผัสถ้วยจานของประเทศญี่ปุ่น จะทราบดีว่ามีน้ำหนักออกจะค่อย ด้วยเหตุว่าถูกวางแบบให้มีน้ำหนักที่พอเหมาะพอควรแก่การถือถ้วยข้าวขณะทาน นอกเหนือจากน้ำหนักแล้ว คนญี่ปุ่นชอบดื่มซุปจากถ้วยโดยตรง ด้วยเหตุผลดังกล่าวเนื้อสัมผัสที่ดีของผิวถ้วยจานก็เป็นสิ่งที่ช่างให้ความใส่ใจสำหรับเพื่อการวางแบบด้วยเช่นเดียวกัน

– การจัดวางบนโต๊ะอาหาร ทางฝั่งยุโรป ถ้วยชามที่เอามาจัดวางบนโต๊ะอาหารจำนวนมากจะมีสีรวมทั้งลวดลายในแบบเดียวกัน มองแล้วเรียบร้อยแล้วก็สวย แม้กระนั้นที่ประเทศญี่ปุ่น ถ้าเกิดเป็นการกินอาหารในครอบครัว สมาชิกแต่ละคนจะมีถ้วยข้าว ตะเกียบ ถ้วยน้ำ ที่ใช้ประจำเป็นของตนเอง

ซึ่งทุกคนสามารถเลือกแบบ ขนาด สีสัน และก็ลวดลายตามความพอใจของตัวเองได้ ฉะนั้นการจัดวางถ้วยจานบนโต๊ะอาหาร หรือการเลือกใช้จานชามในครอบครัวประเทศญี่ปุ่นนั้น มักขึ้นกับตามความชื่นชอบของแต่ละคน ไม่จำเป็นที่จะต้องจัดให้เกิดความสวยงามอยู่ในแบบอย่างเดียวกันเสมอ

จะมองเห็นได้ว่าการเลือกวัตถุดิบรวมทั้งอุปกรณ์เพื่อนำมาใช้ทำถ้วยชามนั้น มีการคัดเลือกให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมการกินอาหาร เว้นแต่ยังมีความมากมายหลาย อีกทั้งในด้านสีสันรวมทั้งลวดลาย

รวมทั้งมีลักษณะของถ้วยชามเยอะแยะให้เลือกใช้ตามจำพวกการใช้แรงงาน ทำให้สามารถเพลิดเพลินเพลิดเพลินกับความสวยของถ้วยชาม ไปพร้อม ๆ กับรสของกินได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งได้ฟีลลิ่งในการกินเพิ่มอรรถรส เพิ่มบรรยากาศ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ประสิทธิภาพการได้ยิน

การทำความสะอาดเครื่องซักผ้า

การทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะแม้ว่าเครื่องซักผ้าจะถูกใช้ในการทำความสะอาดเสื้อผ้า แต่ตัวเครื่องเองก็สามารถสะสมสิ่งสกปรก คราบสบู่ และเชื้อโรคได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องและความสะอาดของเสื้อผ้าที่ซักในระยะยาว

วิธีการทำความสะอาดเครื่องซักผ้า

  1. ทำความสะอาดถังซักผ้า

   – สำหรับเครื่องซักผ้าฝาบน ให้เติมน้ำร้อนเข้าไปในถังซักจนเต็ม จากนั้นเติมน้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดาในปริมาณ 1 ถ้วยลงไปในน้ำ

   – สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า ให้ใส่เบกกิ้งโซดาหรือน้ำส้มสายชูลงในช่องใส่น้ำยาซักผ้า จากนั้นเปิดเครื่องให้ทำงานในรอบการซักน้ำร้อน ซึ่งจะช่วยทำความสะอาดและขจัดคราบสะสมภายในถังซัก

   – หลังจากเสร็จสิ้นการซักรอบนี้ ให้เปิดฝาเครื่องซักผ้าเพื่อให้ถังแห้งและอากาศถ่ายเท

  1. ทำความสะอาดช่องใส่น้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่ม

   – ถอดช่องใส่น้ำยาออกจากเครื่อง จากนั้นนำไปล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ร้อน ๆ ใช้แปรงนุ่ม ๆ ขัดเอาคราบที่สะสมอยู่ออก แล้วล้างน้ำให้สะอาด ก่อนจะเช็ดให้แห้งและนำกลับไปใส่ในที่เดิม

  1. ทำความสะอาดกรองผ้าหรือกรองน้ำ

   – ถอดกรองผ้าออกมาแล้วล้างคราบสะสมออกด้วยน้ำสะอาด

   – สำหรับกรองน้ำ หากเครื่องซักผ้ามี ให้ถอดออกแล้วทำความสะอาดเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกอุดตัน

  1. เช็ดทำความสะอาดภายนอกของเครื่องซักผ้า

   – ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำสบู่เช็ดบริเวณภายนอกของเครื่อง โดยเฉพาะบริเวณปุ่มควบคุมที่มีโอกาสจะสะสมฝุ่นละอองและคราบน้ำยา

  1. ทำความสะอาดรอบๆ ซีลยางของฝาถัง

   – สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า ซีลยางบริเวณรอบ ๆ ฝาถังมักจะสะสมคราบสบู่และสิ่งสกปรก ให้ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำส้มสายชูหรือสารทำความสะอาดที่ปลอดภัยต่อยาง เช็ดให้สะอาด

ควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือทุก ๆ 20-30 รอบการซัก หากคุณใช้  ตรวจสุขภาพประจำปี     เครื่องซักผ้าบ่อยครั้ง อาจจะต้องทำความสะอาดบ่อยขึ้น

 

หากไม่ได้ทำความสะอาดเครื่องซักผ้า สิ่งสกปรก คราบสบู่ และเชื้อโรคจะสะสมภายในเครื่อง ทำให้เครื่องทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพและอาจทำให้เสื้อผ้าที่ซักไม่สะอาดพอ นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และเครื่องอาจเสียหายก่อนเวลาอันควร เช่น ซีลยางเสื่อมสภาพ หรือเกิดการอุดตันที่ท่อระบายน้ำ

 

การทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการรักษาความสะอาดของเสื้อผ้าและยืดอายุการใช้งานของเครื่อง คุณจึงควรให้ความสำคัญและทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

วิธีการเลือกซื้ออาหารสดด้วยเทคนิคง่ายๆ

ใครๆก็ต้องกินอาหารด้วยกันทั้งนั้นว่ามั้ย แต่ว่าบางคนก็เลือกอาหารยังไม่เป็นหรือไม่มีความรู้สักนิดว่าอาหารแบบไหนเรียกว่าสด ควรที่จะนำเอาไปรับประทานได้ หรืออันไหนที่สุกแต่ไม่ควรเอามาใช้ประกอบอาหาร

ดังนั้นในวันนี้เราจะพาคุณไปดูวิธีเลือกอาหารแบบง่ายๆ ที่จะได้ทั้งสดและสะอาด ถูกหลักโภชนาการอย่างแน่นอน โดยจะมีวิธีเลือกคัดสรรอย่างไรบ้างมาดูกันเลย

วิธีการเลือกซื้อผักนั้นเราควรที่จะเลือกซื้อตามฤดูกาล หรือจะเลือกตามประเภทของชนิดผักก็ได้เช่นกัน

การเลือกซื้อผัก มีดังนี้

1.การเลือกซื้อ แครอท หัวไชเท้า แตงกวา และข้าวโพด

จะมีวิธีการเลือกที่เหมือนๆกัน โดยจะมีลักษณะที่ดีด้วยกรเลือกรูปที่ลูกที่มีหัวยาวและเรียว และมีผิวที่เรียบ ส่วนสีของมันนนั้นจะต้องมีสีสันที่สดใส

 

2.วิธีการเลือกซื้อ ฟักทอง มะเขือยาว มะเขือม่วง มันเทศ กระหล่ำปลี และสุดท้ายคือมันฝรั่ง

วิธีการเลือกนี้โดยรวมเราจะดูลูกที่มีน้ำหนักมากๆ เนื้อแน่นๆ ผิวเต่งตึง โดยจะทำให้ภายในของมันแน่นสวย น่ากิน

 

3.วิธีการเลือกซื้อ กวางตุ้ง ผักกาดขาว

วิธีการดูเราจะดูหัวที่มีสีเขียวสด โดยมันจะต้องไม่เหี่ยวและจะต้องไม่มีรอยช้ำอีกด้วยนะ

 

4.วิธีการเลือกซื้อ กระเทียม หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ

มีวิธีการเลือก โดยเราจะต้องดูลูกที่มันไม่มีเชื้อรา และที่สำคัญลูกมันจะต้องสดและไม่มีรอยช้ำ

 

5.วิธีการเลือกซื้อ กะหล่ำดอก บล็อกโครี่

วิธีการเลือกดูง่ายๆคือเราจะเลือกดอกที่มีการรวมตัวแน่นๆ และจะต้องมีสีที่สด

 

6.วิธีการเลือกซื้อ พริก โดยรวมพริกทั้งหมกทุกชนิด ไม่ว่าจะเป้นพริกสามสี พริกขี้หนู หรือพริกชี้ฟ้า เป็นต้น

วิธีการเลือกเราจะดูจากคั่วที่อยู่ด้านบน จะต้องมีสีเขียวสด จะต้องไม่มีสีที่ออกไปทางดำคล้ำ เม็ดอวบอิ่ม

วิธีการเลือกซื้อผลไม้ มีดังนี้

1.วิธีการเลือกซื้อ แอปเปิ้ล โดยเราจะต้องเลือกแอปเปิ้ลที่มีผิวที่เรียบ ผิวมันจะเด้งสวย ไม่มีร่อยรอยที่ถลอก หรือรอยช้ำตรงบริเวรไหนๆ

2.วิธีการเลือกซื้อ สตอรเบอรี่ ให้คุณสังเกตที่คั่วผลของมัน และต้องสังเกตที่ผลใบด้วย โดยจะต้องมีสีเขียวและจะต้องไม่ดำหรือว่าคล้ำ ผลของมันจะต้องไม่เหี่ยว และมันจะต้องต้องมีผลที่อวบอิ่ม มีสีแดง

3.วิธีการเลือกซื้อ ส้ม จะต้องมีผลที่มีเปลืองขลุกขละ เพราะจะทำให้หวาน ชื่นใจ

4.วิธีการเลือก กล้วย โดยกล้วยหอมที่ดีนั้น มันจะต้องมีสีเหลืองทอง โดยที่ตรงก้านของมันจะต้องมีสีเขียวติดอยู่นิดหน่อย และต้องไม่มีรอบช้ำๆ อีกด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ตรวจสุขภาพ

ไขมันทรานซ์คืออะไร?

ไขมันทรานซ์ (Trans Fat) เป็นชนิดหนึ่งของไขมันที่พบได้ในอาหารหลายประเภทและถือเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด ไขมันทรานซ์เกิดขึ้นได้จากสองวิธีหลักคือ:

  1. ไขมันทรานซ์ธรรมชาติ: พบได้ในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม สัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น วัวและแกะ ผลิตไขมันทรานซ์ในกระเพาะอาหารตามธรรมชาติในระหว่างการย่อยอาหาร แม้ว่าไขมันทรานซ์ธรรมชาติเหล่านี้จะมีปริมาณน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับไขมันทรานซ์สังเคราะห์ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงต่อสุขภาพในบางกรณี
  2. ไขมันทรานซ์สังเคราะห์: เป็นไขมันทรานซ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยการเติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืชในกระบวนการที่เรียกว่าไฮโดรจีเนชันบางส่วน (Partial Hydrogenation) กระบวนการนี้ทำให้น้ำมันที่เป็นของเหลวกลายเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้องและเพิ่มอายุการเก็บรักษาของอาหารที่มีส่วนผสมของมัน นี่คือประเภทของไขมันทรานซ์ที่เป็นปัญหาสุขภาพหลักและพบในอาหารแปรรูปหลายชนิด เช่น ขนมอบ คุกกี้ เค้ก แครกเกอร์ มาร์การีน เนยเทียม และอาหารทอด

ผลกระทบต่อสุขภาพ

ไขมันทรานซ์ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดเนื่องจากมีผลต่อระดับไขมันในเลือดโดยตรง เมื่อเราบริโภคไขมันทรานซ์ มันจะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดและเส้นเลือดอุดตันมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบว่าไขมันทรานซ์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และมีผลต่อการเกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของหลายโรคเรื้อรัง

ข้อกฎหมายและการควบคุม

ในหลายประเทศมีการควบคุมและห้ามใช้ไขมันทรานซ์ในอาหารแปรรูปแล้ว เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรง องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เรียกร้องให้ทั่วโลกยกเลิกการใช้ไขมันทรานซ์ในอุตสาหกรรมอาหารภายในปี 2023 การห้ามใช้ไขมันทรานซ์ในบางประเทศ เช่น เดนมาร์ก ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีในการลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

ในประเทศไทย คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกกฎหมายห้ามใช้ไขมันทรานซ์ในอาหารแปรรูปตั้งแต่ปี 2019 โดยห้ามผลิต นำเข้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่มีไขมันทรานซ์สังเคราะห์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของประชาชนจากการบริโภคไขมันทรานซ์ในอาหารแปรรูป

 แนวทางการลดการบริโภคไขมันทรานซ์

ผู้บริโภคควรใส่ใจในการอ่านฉลากอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันทรานซ์ โดยคำว่า “partially hydrogenated oils” บนฉลากอาหารมักเป็นตัวบ่งชี้ว่าอาหารนั้นมีไขมันทรานซ์ นอกจากนี้ การเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันพืชธรรมชาติที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการไฮโดรจีเนชัน เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน หรือน้ำมันรำข้าว ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ

 

การบริโภคอาหารสดใหม่ ผักผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และการปรุงอาหารที่บ้านเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดการบริโภคไขมันทรานซ์ และยังช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว

 

ไขมันทรานซ์เป็นไขมันที่อันตรายต่อสุขภาพ และควรถูกหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งโดย  คาสิโนดานัง     เฉพาะไขมันทรานซ์สังเคราะห์ที่พบในอาหารแปรรูป การลดการบริโภคไขมันทรานซ์เป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคเรื้อรังอื่น ๆ การศึกษาและความเข้าใจเกี่ยวกับไขมันทรานซ์ และการเลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์จึงเป็นสิ่งที่ควรทำในชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

โรคเนื้องอกมดลูก โรคนี้ร้ายแรงหรือไม่ เป็นแล้ว ต้องรักษาอย่างไร

โรคเนื้องอกมดลูก   เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อมีก้อนเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งเจริญเติบโตขึ้นในมดลูก เนื้องอกเหล่านี้มักประกอบด้วยเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อเรียบและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผนังมดลูก ด้านนอกของมดลูก หรือในโพรงมดลูกเอง ขนาดและจำนวนของเนื้องอกสามารถแตกต่างกันไปตั้งแต่ขนาดเล็กจนใหญ่ที่อาจทำให้มดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน

เนื้องอกมดลูกส่วนใหญ่เป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่เนื้อร้ายหรือมะเร็ง ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นภาวะที่ร้ายแรงในแง่ของการเกิดมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง และจำนวนของเนื้องอก อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วยในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ

  1. อาการที่เกี่ยวข้อง: ผู้หญิงบางคนอาจไม่มีอาการใด ๆ แต่ในบางกรณี อาจมีอาการเช่น ประจำเดือนที่ยาวนานและหนักมาก ปวดท้องน้อย ปวดหลัง ปัสสาวะบ่อย ท้องอืด หรือรู้สึกเจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  2. ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์: เนื้องอกมดลูกสามารถทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก หรือภาวะแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ เช่น การแท้งบุตรหรือการคลอดก่อนกำหนดได้
  3. ผลกระทบต่อสุขภาพทั่วไป: หากเนื้องอกมีขนาดใหญ่มากอาจทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “มดลูกโต” ซึ่งสามารถกดทับอวัยวะข้างเคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ หรือทวารหนัก ทำให้เกิดปัญหาในการขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ

 

การรักษาโรคเนื้องอกมดลูกขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของภาวะนี้ รวมถึงความต้องการของผู้ป่วยเกี่ยวกับการมีบุตรในอนาคต การรักษาแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ ได้แก่:

  1. การเฝ้าระวัง หากเนื้องอกมีขนาดเล็กและไม่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้เฝ้าดูอาการโดยไม่ต้องทำการรักษาทันที โดยการตรวจติดตามเนื้องอกเป็นประจำ เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของขนาดหรืออาการ
  2. การใช้ยา: การรักษาด้วยยาอาจใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ เช่น ปวดหรือประจำเดือนที่ผิดปกติ ยาที่ใช้รวมถึงยาคุมกำเนิดที่ช่วยควบคุมอาการประจำเดือน หรือยาที่ช่วยลดขนาดของเนื้องอก เช่น ยา Gonadotropin-releasing hormone 
  3. การผ่าตัด: หากเนื้องอกมีขนาดใหญ่หรือมีอาการที่รบกวนชีวิตประจำวัน การผ่าตัดอาจจำเป็น การผ่าตัดอาจรวมถึงการผ่าตัดเอาเนื้องอกออก (Myomectomy) หรือการตัดมดลูกออกทั้งหมด (Hysterectomy) ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ต้องการมีบุตรในอนาคต
  4. การรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ: เช่น การใช้เทคนิค MRgFUS หรือการฉีดยาเข้าเส้นเลือดที่เลี้ยงเนื้องอกเพื่อทำให้เนื้องอกหดตัว 

การป้องกันเนื้องอกมดลูกยังไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรค แต่การรักษาสุขภาพที่ดี การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน และการตรวจสุขภาพประจำปี สามารถช่วยให้พบโรคนี้ได้ตั้งแต่ระยะแรก ๆ และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล