3 วิธี แยกระหว่างหิวมากหรือแค่อยากกิน!!
บ่อยครั้งที่ร่างกายของเราเริ่มส่งสัญญาณว่าอยากกินอาหาร แต่เรากลับสับสนว่าความรู้สึกที่ว่านั้นเป็นแค่ความอยากกินอาหารเฉยๆ หรือร่างกายหิวแล้วกันแน่ ยิ่งในช่วง ลดน้ำหนัก ด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวังในเรื่องของการกินอาหารเป็นพิเศษ
1. เสียงท้องร้องไม่ได้แปลว่าหิว
หลายคนมักคิดว่าเมื่อท้องส่งเสียงร้องโครกครากนั้นหมายถึงร่างกายส่งสัญญาณว่าหิวแล้ว แต่ในบางทีนั้นอาจไม่ใช่ก็ได้ค่ะ หากคุณยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าเรือยจนถึงตอนบ่ายแล้วก็ยังไม่ได้กิน อาการท้องร้องที่คุณได้ยินนั้นแน่นอนว่ามาจากความหิว แต่หากคุณเพิ่งจะกินข้าวกลางวันไปเสร็จ พอเข้าช่วงบ่ายๆ แล้วมีอาการท้องร้อง นั่นอาจเป็นไปได้ว่าร่างกายของคุณมีการหลั่งฮอร์โมนโมติลิน (Motilin) ซึ่งเป็นเรื่องของร่างกายที่จะกระตุ้นให้กระเพาะอาหารบีบตัวเพื่อส่งอาหารจากกระเพาะลงมาที่ลำไส้เล็ก ถือเป็นกลไกอย่างหนึ่งของร่างกายเฉยๆ ไม่ได้ถือว่าเป็นความหิวค่ะ
2. สนใจแต่รูปอาหารหรือคลิปทำอาหาร
ในบางรายที่ชอบดูคลิปหรือรูปสวยๆ ต่างๆ ก่อนนอน บ่อยครั้งที่เรามักเผลอโฟกัสที่รูปอาหารต่างๆ ที่เราเห็นผ่านตา เพราะด้วยสีสันและหน้าตาของอาหารที่ดูน่ากิน จึงทำให้บางครั้งเราเข้าใจไปว่าร่างกายเกิดความหิว แท้จริงแล้วอาจจะเป็นความอยากกินอาหารเหล่านั้นเฉยๆ ก็ได้ค่ะ การที่ร่างกายมองหาแต่รูปหรือคลิปเกี่ยวกับอาหารนั้นไม่ได้หมายความว่าเราหิวจริงเสมอไป อาจเป็นไปได้ว่ามื้อก่อนหน้าเรากินไม่พอกับที่ร่างกายต้องการหรือไม่ได้กินในสิ่งที่อยากกิน ทำให้สมองของเรายังคงโฟกัสอยู่แต่ในเรื่องของอาหารค่ะ
3. ฝันถึงอาหาร
เมื่อใดก็ตามที่เราฝันถึงอาหารหรือการกินอาหาร อาจเป็นไปได้ว่าเรากำลังหิวค่ะ เพราะโดยหลักการแล้ว ความฝันมักเกิดขึ้นจากความปราถนาหรือความต้องการภายในจิตใจ หากเรารู้สึกหิวในขณะที่หลับอยู่ก็มีความเป็นไปได้ว่าร่างกายแสดงความหิวออกมาจนเราเก็บไปฝันนั่นเองค่ะ แต่ก็ต้องระวังไว้หน่อยเพราะบางครั้งคุณอาจจะดูรูปอาหารหรือคลิปอาหารมากเกินไปจนเก็บไปฝันก็มี หากลองเป็นแบบนี้ให้เราพิจารณาถึงมื้ออาหารก่อนหน้าว่ากินจนเพียงพอหรือยัง หากมั่นใจว่าพอแล้วก็เป็นไปได้ว่าการที่ร่างกายฝันถึงอาหารนั้นเพราะแค่อยากกินค่ะ